ผิวแห้งแก้ยังไงดี? สัญญาณอันตรายที่ควรรู้ ก่อนสายเกินไป

ใครว่าปัญหาผิวแห้งเป็นเรื่องเล็ก เพราะหากปล่อยไว้จนผิวแห้งขั้นสุด อาจส่งผลเสียต่อผิวหน้าในระยะยาวได้มากกว่าที่คิด! ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผิวลอกเป็นขุย แต่งหน้าไม่ติด ผิวดูแก่ก่อนวัย หรือร้ายแรงถึงขั้นเกิดริ้วรอย ดังนั้น การสังเกตสัญญาณ และทำความเข้าใจถึงระดับความแห้งของผิว จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อการดูแลผิวได้อย่างตรงจุด และคืนความชุ่มชื้นให้ผิวกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง

ดังนั้น การสังเกตสัญญาณ และทำความเข้าใจถึงระดับความแห้งของผิว จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อการดูแลผิวได้อย่างตรงจุด และคืนความชุ่มชื้นให้ผิวกลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง

ผิวแห้งเกิดจากอะไร?

ผิวแห้ง เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม สภาพอากาศ อายุ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการขาดการบำรุงผิวอย่างเพียงพอ โดยเราสามารถแบ่งระดับความแห้งของผิว ออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่

ระดับที่ 1 ผิวแห้งเล็กน้อย

มักจะรู้สึกผิวแห้งตึง หลังล้างหน้า โดยเฉพาะเวลาเช้า แต่จะกลับมาชุ่มชื้น หลังทาครีมบำรุง ผิวบริเวณนี้มักจะไม่ค่อยมีปัญหา และสามารถกลับมาชุ่มชื้นได้ง่าย

ระดับที่ 2 ผิวแห้งปานกลาง

เริ่มรู้สึกถึงความแห้งตึง หลังล้างหน้า แม้ทาครีมบำรุงแล้ว อาจยังรู้สึกแห้งตึงอยู่บ้าง ผิวบริเวณนี้มักจะดูหยาบกร้าน และขาดความชุ่มชื้นอย่างเห็นได้ชัด

ระดับที่ 3 ผิวแห้งขั้นสุด

ผิวจะแห้งตึงตลอดเวลา แม้ทาครีมบำรุงแล้วก็อาจไม่รู้สึกถึงความชุ่มชื้น ผิวบริเวณนี้มักจะมีอาการคัน ลอกเป็นขุย ระคายเคืองง่าย และอาจมีรอยแดงร่วมด้วย

สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าผิวแห้งมาก

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผิวเริ่มส่งสัญญาณเตือนแล้ว ให้ลองสังเกตดูว่าผิวหน้าเริ่มมีปัญหาเหล่านี้แล้วหรือไม่ เพราะนั่นอาจหมายถึงผิวของคุณอยู่ในระดับที่แห้งมากและต้องการการดูแลพิเศษแล้ว!

ผิวลอกเป็นขุย หากผิวเริ่มมีลักษณะเป็นขุยหรือแห้งแตกออกมา แสดงว่าผิวขาดความชุ่มชื้นอย่างรุนแรง
ผิวแตกคันยุบยิบ หากมีอาการคันและยุบยิบที่ผิว ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเป็นระยะ อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าผิวแห้งจนเกิดการระคายเคืองแล้ว
ผิวหนังมีรอยแดงหรือบวม การมีรอยแดงหรือบวมเป็นสัญญาณของการอักเสบซึ่งอาจเกิดจากการที่ผิวแห้งและแตกได้เช่นกัน
แต่งหน้าไม่ติด ผิวที่แห้งมากจะทำให้การแต่งหน้าไม่ติดทนหรือหลุดง่าย เนื่องจากพื้นผิวของผิวไม่เรียบเนียนนั่นเอง

วิธีแก้ไขปัญหาผิวแห้งขั้นสุด

แม้ว่าปัญหาผิวแห้งอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้จนผิวแห้งขั้นสุด ก็อาจส่งผลเสียต่อผิวหน้าในระยะยาวได้มากกว่าที่คิด หากไม่อยากให้ผิวหน้าของคุณต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ ควรดูแลผิวอย่างจริงจังทั้งจากภายในและภายนอก ด้วยวิธีเหล่านี้

ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้
รับประทานอาหารที่มีวิตามินและสารอาหารที่ช่วยในการบำรุงผิว เช่น วิตามิน E และโอเมก้า 3 ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของสารเติมน้ำ เช่น เซรั่มไฮยาลูรอน ซึ่งช่วยเติมน้ำให้ผิว ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งให้กลับมาสุขภาพดี ลดอาการผิวลอกและแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จะเห็นได้ว่าการดูแลและบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติมน้ำให้ผิว ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื้น และช่วยให้ผิวกลับมาอิ่มน้ำ เปล่งปลั่ง อย่างเป็นธรรมชาติ